Category Archive : ประวัติและตำนาน

2 ผู้หญิงที่มีหน้าบนประวัติศาสตร์ของธนบัตร 

      Harriet Tubman

       บนธนบัตร ใบละ20 ดอลลาร์ จะมีภาพของผู้หญิงอยู่คนหนึ่งเธอมีชื่อว่า Harriet Tubman  ประวัติศาสตร์ของธนบัตร  ซึ่งภาพของเธอนั้นจะปรากฏบนธนบัตรดอลลาร์เธอเป็นนักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอเมริกัน พวกเคลื่อนไหวเรียกร้องการเลิกทาสในสหรัฐ  Tubman  เลือกเกิดไม่ได้ ทำให้เธอเกิดมาพร้อมกับสถานะทาส ครอบครัวของเธอทำงานรับใช้ให้กับตระกูล รอเดรส 

         Tubman ต้องตรากตรำทำงานอย่างหนักตั้งแต่เด็กทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากสถานะนี้เมื่อโตขึ้นดังนั้นในปี 1843   Tubman ตัดสินใจบินเดี่ยวไปยังรัฐเพนซิลวาเนียซึ่งเป็น มลรัฐแห่งเสรีภาพ  ซึ่งว่ากันว่าเส้นทางที่ Tubman ใช้ในการหลบหนีก็คือเส้นทางรถไฟใต้ดินที่แรงงานทาสอีกหลายคนใช้หลบหนีเช่นเดียวกัน

        นอกจากเธอจะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากการเป็นทาสได้แล้วเธอก็ยังช่วยคนอื่นอีกราว 70 คนให้หลบหนีจากการเป็นทาสขึ้นไปทางเหนือด้วยในจำนวนนั้นก็มีสมาชิกของครอบครัวเธอรวมอยู่ด้วยยิ่งไปกว่านั้นเธอยังให้คำแนะนำและสอนคนอื่นถึงวิธีหลบหนีซึ่งคาดว่าเธออาจจะพาคนแบบนี้ได้มากกว่า 300 คนเลยทีเดียว

         นอกจากเธอจะช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากการเป็นทาสได้แล้วเธอก็ยังช่วยคนอื่นอีกราว 70 คนให้หลบหนีจากการเป็นทาสขึ้นไปทางเหนือด้วยในจำนวนนั้นก็มีสมาชิกของครอบครัวเธอรวมอยู่ด้วยยิ่งไปกว่านั้นเธอยังให้คำแนะนำและสอนคนอื่นถึงวิธีหลบหนีซึ่งคาดว่าเธออาจจะพาคนแบบนี้ได้มากกว่า 300 คนเลยทีเดียว

 Woman at the Royal Institution 

       ภาพผู้หญิงในองค์กรเพื่อการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนธนบัตร 20ตอนนี้เกิดขึ้นที่ Royal institution of aviation เป็นองค์กรเพื่อการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงตั้งอยู่ในเมือง westminsterabbey 1855 และบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคือไมเคิลฟาราเดย์นักเคมีและนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษซึ่งกำลังทำการเลคเชอร์อยู่นั่นเองนั่นเองซึ่งในภาพด้านหลังนั้นปรากฏให้เห็นถึงผู้หญิงจำนวนมากที่สามารถเข้าร่วมฟังเลคเชอร์น Royal institution ได้สิ่งนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมอังกฤษจึงนับได้ว่าสิ่งนี้คือช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์เช่นกัน

ในความเป็นจริงแล้วในต่างประเทศนั้นยังมีประวัติของผู้หญิงที่เคยมีประวัติถูกนำใบหน้าไปประดับไว้บนธนบัตรอีกมากมายหลายคนเลยทีเดียวซึ่งแต่ละคนนั้นก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แตกต่างกันออกไป  

     สำหรับ การนำภาพของบุคคลซึ่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์มาไว้บนธนบัตรนั้นมีการเริ่มทำตั้งแต่ในช่วงปี ค.ศ. 1970   แต่สำหรับภาพผู้หญิงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้นนำมาไว้บนธนบัตรในครั้งแรกในช่วงปีค.ศ 1975 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีมาขึ้นเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถูกนำมาไว้บนธนบัตร 

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

ความลับในภาพ เมนูอาหารใน The last  supper 

     เมนูอาหารใน The last  supper อีกหนึ่งผลงานที่เป็นที่จดจำของลีโอนาร์โดดาวินชีคือภาพ the last supper ซึ่งเป็นภาพพระเยซูกำลังบอกเรื่องของคนทรยศในเหล่าสาวกทั้ง 12 องค์ขณะรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปตรึงกางเขนมีผู้เชี่ยวชาญมากมายเชื่อว่าดาวินชี่ได้ซ่อนรหัสลับบางอย่างในภาพ

      เช่นการซ่อนความหมายไว้ในเมนูอาหารอย่างขนมปังกับไวน์ที่ในปฐพีเราว่าพระเยซูได้แบ่งขนมปังและไวน์ให้แก่สาวกเพื่อเปรียบว่าขนมปังเป็นอย่างร่างกายส่วนการดื่มไวน์ก็ประโยชน์การดื่มเลือดของพระองค์   นอกจากนี้ยังมีปลาซึ่งในภาษากรีกคือคำว่า อิสทรัส และเป็นคำแรกในประโยคพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด

      ผลไม้ท้องถิ่นเช่นองุ่นมะเดื่อทับทิมตากแห้งก็อยู่ในภาพด้วยเช่นกันเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิเป็นเนื้อแกะซึ่งชาวยิวใช้ในการบูชายัญเป็นลูกแกะเปรียบได้กับการเสียสละของพระคริสต์ในเหตุการณ์ที่พระเจ้าปลดปล่อยชาวยิวจากการเป็นทาสในอียิปต์

       นอกจากนี้ดาวินชี่ได้ถ่ายทอดเหตุการณ์พระกระยาหารมื้อสุดท้ายในแบบของเขา  อย่างการวาดปลาไหลในภาพซึ่งไม่ใช่อาหารที่พบเห็นได้ในกรุงเยรูซาเล็มตามพระคัมภีร์แต่เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในอิตาลีช่วงศตวรรษที่ 15 จึงสันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นเมนูที่ดาวินชี่แอบเอามาใส่ไว้ในภาพนี้ก็เป็นได้

        โดยปลาไหลก็อาจจะมีความหมายซ่อนอยู่เช่นกันคำว่าปลาไหลในภาษาอิตาลีออกเสียงคล้ายกับคำว่าอาริกาแปลว่าการปลูกฝังความเชื่อและก็มีข้อโต้แย้งที่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ปลาไหลแต่เป็นปลาแฮริ่งที่สื่อความหมายถึงคนที่ละทิ้งศาสนาซึ่งตรงกับเหตุการณ์ในไบเบิ้ลที่ 1 ที่สาวกจะปฏิเสธตัวตนของพระเยซู

    ว่ากันว่าในสมัยที่เลโอนาร์โด้ยังมีมีชีวิตอยู่เขาเป็นนักวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยภาพดังกล่าวนั้นจะใช้เป็นตัวแทนของศาสดาลักษณ์ดังนั้นจะเห็นได้ว่าภาพของลีโอนาโดนั้นมักจะมีสัญลักษณ์ต่างๆให้คนตีความมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องของนิสัยการกินและเรื่องของอาหารซึ่งเป็นยุคประมาณเมื่อ 2000 ปีที่แล้วเป็นอาหารของชาวปาเลสไตน์  

      แน่นอนว่าภาพวาดที่กำลังมีการถกเถียงกันอยู่นั้นเป็นภาพวาดของอาหารมื้อสุดท้ายที่มีความเกี่ยวพันกับพระเยซูของศาสนาคริสต์   เป็นการพูดถึงอาหารมือสุดท้ายของพระเยซู ทำให้ภาพดังกล่าวนั้นมีอิทธิพลทางในศาสนาคริสต์และคนที่ชื่นชอบผลงานศิลปะ  อย่างไรก็ตามภาพความลับในภาพยังคงเป็นปริศนาที่ใครก็ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวยจับยี่กี

ประเพณีวันลอยกระทง Social เชิญชวนงดลอยกระทงในปี 63 นี้้

        สำหรับประเพณีวันลอยกระทงนั้นเป็นประเพณีของไทยที่มีการดำเนินงานกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณอาจกล่าวได้ว่ามีอายุของประเพณีนี้มาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีเลยก็ว่าได้ในประเทศไทยนั้นแต่ละจังหวัดก็จะมีการจัดประเพณีการจัดงานต่างๆนิทรรศการต่างๆเพื่อให้คนในชุมชนและในจังหวัดได้มาร่วมสนุกสนานกันในช่วงประเพณีวันลอยกระทง

       โดยปกติแล้วประเพณีวันลอยกระทงนั้นจะมีการจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดไม่ตรงกันแต่ให้ยึดว่าหากเป็นช่วงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เมื่อไหร่วันนั้นก็คือวันที่จะมีการจัดงานวันลอยกระทงนั่นเองซึ่งจะมีการทำอย่างนี้เป็นประจำทุกปีอยู่แล้วโดยในปีพศ2563 นี้วันลอยกระทงนั้นตรงกับวันที่ 31 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563  

         อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วเมื่อมีการลอยกระทงผู้คนจะออกมาร่วมกันลอยกระทงเพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคาอีกทั้งยังเป็นการสะเดาะเคราะห์และเมื่อสิ้นสุดการลอยกระทงรุ่งเช้ามาก็จะเห็นว่าแม่น้ำแต่ละสายนั้นจะมีขยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งขยะเหล่านั้นก็คือกระทงที่ผู้คนพากันมาลอยนั่นเอง

           สำหรับในปีนี้นั้นผู้คนส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์ต่างก็ออกมาเชิญชวนให้คนนั้นสืบสานประเพณีของไทยการลอยกระทงผ่านทางระบบออนไลน์แทนโดยผ่านทางคอมพิวเตอร์ Notebook หรือแม้แต่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือแทนที่จะนำกระทงจริงๆไปลอยในแม่น้ำเพราะหลายคนมองว่าการนำกระทงไปลอยในแม่น้ำนั้นก่อให้เกิดภาวะมลพิษทางน้ำมีขยะลอยเต็มไปหมดและผลที่ตามมามีแต่ผลเสียไม่ได้เกิดผลดี

            สำหรับคนในโลกออนไลน์มองว่างานลอยกระทงสามารถลอยกระทงผ่านทางระบบออนไลน์ก็ได้ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลเสียทางมลพิษและก็สามารถสืบสานประเพณีได้เช่นเดียวกันแต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าการลอยกระทงผ่านออนไลน์นั้นไม่ได้เป็นการสืบสานวัฒนธรรมไทยแต่อย่างใดและยิ่งทำอย่างนี้ต่อไปในอนาคตผู้คนก็จะเริ่มลอยกระทงกันน้อยลงและจะส่งผลให้ประเพณีวันลอยกระทงนั้นอาจจะสูญหายไปในอนาคตก็เป็นไปได้

        ดังนั้นทางที่ดีที่สุดหากต้องการลอยกระทงและลดมลพิษทางน้ำก็ใช้เป็นวิธีการครอบครัวเดียวกันรอยด้วยกันโดยใช้กระทงเพียงแค่กระทงเดียวเท่านั้นก็จะลดจำนวนขยะลงได้และเมื่อไหร่เสร็จก็สามารถที่จะช่วยกันเก็บกวาดขยะขึ้นจากแม่น้ำก็จะไม่ทำให้เกิดปัญหามลพิษได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้กระทงไม่ว่าจะใช้แบบไหน แบบใบตอง หรือแบบขนมปัง ก็ทำให้น้ำเน่าเสียได้เหมือนกัน

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ 

อู่เจ๋อเทียน ขึ้นมาเป็นมเหสีได้อย่างไร?

ซึ่งบุคคลนี้ได้เป็นบุคคลหนึ่งในยุคราชวงศ์จีนและบุคคลผู้นั้นคนไทยรู้จักกันในนามว่า บูเช็คเทียน จะเรียกว่าพระมเหาสีบูเช็คเทียนจะเรียกว่าพระนางบูเช็คเทียนหรือจะเรียกว่าจักรพรรดิบูเช็คเทียนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และก็เวลาที่เราพูดถึงพระนางเวลาเราพูดถึงคำว่าบูเช็คเทียนนั้นคือสิ่งที่คนไทยรู้จักแต่ถ้าเราจะพูดให้เคลียร์ บูเช็คเทียนนั้นมาจาก อู่เจ๋อเทียน 

โดยเรามาจะมาพูดเรื่องราวของสนมอู่หรือว่าพระมาเหสีอู่เจ๋อเทียนหรือที่คนไทยรู้จักกันว่าพระนางบูเช็คเทียนเราอยากจะให้ทุกคนนั้นได้เข้าใจถึงประวิติศาสตร์ที่แท้จริงและในยุคสมัยราชวงศ์ของจีน 

อู่จ้าว เป็นบุตรตรีของ อู่ซื่อฮั่ว ผู้ซึ่งเป็นผู้ค้าไม้และเคยสร้างคุณงามคุณงามดีต่อราชวงศ์ถังเป็นอย่างมาเลยทีเดียวคุณงามความดีของพ่อค้าไม้  ซื่อฮั่ว เกิดจากการคุมงานและก็จัดการในเรื่องของก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆให้กับราชวงศ์ถัง

ดังนั้น  อู่ซื่อฮั่ว ซึ่งผู้เป็นพ่อค้าไม้แล้วทำการก่อสร้างให้กับราชวงศ์ถังนี้จนได้รับคุณงามความดีจนกระทั่งได้เป็น เจ้ากรมแรงงาน และเมื่อ  อู่ซื่อฮั่ว  ได้กลายมาเป็นเจ้ากรมแรงงานแล้วครอบครัวก็ได้เข้ากระแสของระบบราชการอย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว 

ปรากฏว่า  อู่ซื่อฮั่ว  มีลูกสาวชื่อ อู่จ้าว  เมื่ออู่จ้าว นั้นมีอายุครบ14ปีก็จะต้องเข้าไปเป็นสนมระดับ5ของจักรพรรดิถังไท่จงโดยสนมระดับ5เขาได้มีชื่อเฉพาะ

ซึ่งชื่อเฉพาะชื่อว่า ไฉเหริน ระดับ5ต้องบอกทุกคนเอาไว้ก่อนว่าระดับ5มันไม่ใช่ระดับสูงที่สุดระดับ5มันคือระดับที่ต่ำที่สุดของพระสนมทั้งหลายสนมระดับ1ถือได้ว่าเป็นสนมที่สูงที่สุดแล้วก็สูงไปกว่านั้นก็คือพระมเหสี

ซึ่งเมื่ออู่จ้าวได้เข้าไปเป็นสนมระดับ5หรือที่เราเรียกกันว่า ไฉเหริน เป็นที่เรียบร้อยจักรพรรดิถังไท่จงก็เรียกสนมอู่ว่า เหม่ยเหนียง เป็นชื่อที่จักรพรรดิถังไท่จงทรงพระราชทานให้กับสนมอู่จ้าวก็กลายจากอู่จ้าวกลายเป็น อู่เหม่ยเหนียง 

นอกจากนี้เรื่องราวของสนม อู่ต้องบอกว่ามีเรื่องรวมีสเตอรี่ที่น่าสนใจแล้วก็น่าคิดอยู่มากมายพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยินนายคราวที่ชาวชาตินั้นได้ส่งเครื่องราชบัญนาการเป็นม้ามาให้กับจักรพรรดิถังไท่จงม้าตัวนั้นมีลักษณะที่สง่างามแผงคอของม้าเหมือนกับราชสีเลยทีเดียว

เนื่องจากนี้อย่างไรก็ตามแล้วม้าตัวนี้เป็นม้าดีก็จริงแต่พยศอย่างมากเลยทีเดียวก็เรียกได้ว่าคนเลี้ยงม้าทหารทั้งหลายก็พยายามที่จะปราบม้าพยศตัวนี้แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถปราบม้าพยศตัวนี้ได้จนกระทั่งจักรพรรดิถังไท่จงเครียดมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย

หลุมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด

สำหรับการค้นพบหลุมศพของ เซิง เฮ่า ยี่ มันไม่ได้ค้นพบแค่หลุมศพหรือว่าห้องต่างๆหรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ที่เขาได้เตรียมเอาไว้ให้ในชีวิตหลังความตายแต่ตามหลักข้อมูลแล้วเขาได้บอกเอาไว้เขาได้มีการค้นพบโครงกระดูกของผู้หญิงถึง8คนได้ถูกฝังเอาไว้อยู่ในนั้นอีกด้วย

ซึ่งตรงนี้เราเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะคิดแบบเราและความคิดของเขามันก็ดันไปตรงกับความคิดของนักประวัติศาสตร์ในหลายๆคนนั่นก็คือโครงกระดูกผู้หญิงทั้ง8คนนี้คือนางบำเรอที่ได้ถูกบังคับให้ตายเพื่อที่จะได้ไปรับใช้เจ้านายในปรดลนั่นเอง

ตรงจุดนี้ได้เป็นความคิดของเซิงเฮ่ายี่ที่จิ๋นซีฮ่องเต้ได้นำเอาแนวคิดมาปรับใช้และมาเป็นพระราชวงศ์ของตัวเองและในช่วงเวลาต่อมาก็ได้มีการก่อสร้างขึ้นแต่ในช่วงเวลาในการก่อสร้างตรงนั้นต้องเข้าใจเลยว่ายุคสมัยนั้นมันไม่ได้มีเทคโนโลยีเหมือนอย่างในยุคปัจจุบันที่จะสามารถสร้างตึกหรือสร้างสิ่งก่อสร้างสิ่งต่างๆได้ไวและสะดวกสบาย

โดยที่ไม่ต้องเสียแรงและเสียกำลังพลจนมากเกินไป

ดังนั้นในการที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างสิ่งใหญ่ๆขึ้นมาชิ้นหนึ่งเขาจะต้องใช้จำนวนคนเป็นอย่างมากเขาได้คาดกันว่านการสร้างอนุสรณ์สถานตรงนี้จะใช้จำนวนคนไม่ต่ำกว่า1แสนคน และจะใช้เวลาสร้างไม่ต่ำกว่า10ปีเลย

เนื่องจากตรงจุดนี้จากการคาดเดาและบวกกับสิ่งที่ได้เห็นบันทึกในโบราณของจีนเขาได้อธิบายถึงสิ่งต่างๆภายในอนุสรณ์สถานว่าพื้นที่โลงศพทั้งหมดมีประมาณ6,000เอเคอร์-24.28ตารางกิโลเมตรภายในสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้เพดานด้านบนถูกประดับไปด้วยดาวมากมายบนพื้นมีหนองน้ำมีมหาสมุทรและมีแผ่นดินที่เป็นแผ่นดินหลังความตายขององค์จักรพรรดิ

โดยตรงกลางนั้นจะเป็นพระราชวังศ์จำลองขององค์จักรพรรดิที่ทำขึ้นมาจากทองและได้มีชุดแต่งกายข้าวของเครื่องใช้ที่ได้ทำจากสำริดและรวมไปถึงรูปปั่นทหารรับใช้ที่ได้ล้อมรอบอยู่เต็มพระราชวงศ์ด้วย

นอกจากนี้รูปปั่นของทหารที่เราได้พูดถึงกันตรงนี้มมันก็เป็นอีกหนึ่ง ผลงานชิ้นเอกที่คนทั่งโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับหลุมศพของจิ๋นซีฮ่องเต้มากเพราะว่าจากหลักฐานที่ได้มีการค้นพบแล้วน่าตาของรูปปั่นทหารแต่ละคนมีน่าตาและลักษณะเอกลักษณ์ต่างๆไม่เหมือนกันสักตัวบางรูปปั่นมีหนวดบางรูปปั่นไม่มีบางรูปปั่นตาโต

ด้วยลักษณะที่แตกต่างกันทุกตัวนี้นักโบราณคดีเขาเลยตั้งคำถามขึ้นมาว่าคนจีนสมัยก่อนเขาทำกันได้อย่างไรตรงจุดนี้ในตอนแรกเขาได้มีความคิดว่าในกรณีของรูปปั่นตรงนี้อาจจะเป็นลักษณะเดียวกันที่เซิงเฮ่ายี่บังคับให้ผุ้หญิงมาเสียชีวิตเพื่อไปรับใช้เขาในปรโลกหรือเปล่าตรงนี้มันได้มีมูลเหตุที่เป็นไปได้และตามข้อมูลเขาได้บอกเอาไว้ว่าในตอนแรกได้มีการสังหารทหารจริงๆเพื่อไปรับใช้เจ้านายในปรโลกแต่ด้วยความต้องการที่อยากได้ทหารเป็นจำนวนมากมารับใช้ตัวเองในปรโลกมันมีอยู่มหาสารจะให้เขานำทหารหลักหมื่นหลักแสนคนมาฆ่าแล้วก็ฝังไปพร้อมกับองค์จักรพรรดิมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าเกิดว่าได้ทำแบบนั้นขึ้นมามันก็คือการสังหารหมู่ดีๆนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  ทาง เข้า dewabet

เรื่องราวของยุคตื่นทอง

คุณคงจะรู้จักทองคำแลอันมีค่าที่ใครในหลายๆคนนั้นอย่างจะมีเอาไว้ในครอบครองและในวันนี้เราจะพาคุณมาพบกับเรื่องจริงของทองคำที่คุณนั้นอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน

มีทองคำมากแค่ไหน

โดยส่วนใหญ่แล้วอะไรที่มันมีน้อยหรือว่าหาได้ยากของสิ่งนั้นก็มักจะมีมูลค่าสูงและทองคำเองมันก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นแล้วพวกคุณรู้กันหรือไม่ว่ามีจำนวนทองคำมากมายขนาดไหนที่ได้ถูกมนุษย์นั้นได้ขุดนำเอาขึ้นมาใช้ ซึ่งในเรื่องนี้ทางสมาพันธ์ทองคำโลก(World Gold Council)ได้มีการเปิดเผยเอาไว้ว่าตั้งแต่ในอดีตจนถึงในปี2017

พวกเขาได้ประมาณการณ์เอาไว้ว่าน่าจะมีทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาเป็นจำนวน190,040ตันและถ้าหากเรานำเอาทองคำอันบริสุทธิ์เหล่านี้มาทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกบาศก์มันจะมีความยาวด้านละ21เมตรและจากปริมาณทองคำทั้งหมดนั้นประมาณ47.7%ได้ถูกนำเอามาใช้สำหรับในการทำเครื่องประดับ21.1%ได้ใช้สำหรับในการลงทุน17.1%สำหรับธนาคารกลางและอีก14.1%ได้ใช้สำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและจุดประสงค์อื่นๆ

ยุคตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย

เรื่องราวได้เริ่มขึ้นในปี1848ในโรงเลื่อยแห่งหนึ่งที่เมืองsacramento รัฐCaliforniaจากการที่มีชายคนหนึ่งที่ชื่อว่านายjameshalได้ตกลงไปในลำธารที่อยู่ข้างโรงเลื่อยจากนั้นก็พบว่าโคลในใต้ลำธารแห่งนี้มันได้มีทองคำมากมายปะปนอยู่จากนั้นข่าวก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากมายมหาสารได้เดินทางเข้ามาที่โรงเลื่อยแห่งนี้โดยพวกเขาหวังว่าทองคำเหล่านี้นั้นจะช่วยพลิกชีวิตและได้เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเศรษฐีในช่วงข้ามคืนและผลจากกระแสตื่นทองนี้

ก็ได้ทำให้เมืองซานฟรานซิสโกที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้มีประชากรเพิ่มขึ้นในหลายเท่าตัวจากเดิมที่มีจำนวน200คนในปี1846กลายเป็น36,000คนในปี1852และไม่ใช่แค่เมื่อซานฟรานซิสโกแค่เมืองเดียวเพราะในเมืองอื่นในรัฐแคลิฟอร์เนียก็ได้มีประชากรเพิ่มมากขึ้นเช่นกันมากบ้างและน้อยบ้างก็ได้มีความที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งการที่ประชากรในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นแบบนี้ส่งผลทำให้มีการสร้างโบสถ์และได้มีการสร้างถนนและในส่วนของอาคารบ้านเรือนต่างๆและนั่นมันก็จึงได้ทำให้เรานั้นจึงได้ทำการปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในกระแสที่ตื่นทองที่ว่ามานี่มันจึงเป็นส่วนนี่ก็ได้ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียต่างก็ได้มีความเจริญในด้านต่างๆได้มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการสร้างโบสถ์ขึ้นมาเพื่อจะทำให้ประชากรที่มีเพิ่มมากขึ้นนั้นได้ใช้กันและยังมีในการสร้างบ้านเรือนเพิ่มขึ้นมาเป็นที่พักอาศัยและปักหลักอยู่ที่เมืองแห่งนี้อย่างถวารจึงได้ทำให้เมืองนี้ได้กลายเป็นยุคเมืองที่ตื่นทองที่สุด

คดีเจ้าพ่อที่ถูกปิดฉากลงด้วยทนายของตัวเอง

เราจะรู้กันดีว่าสำนักงานสอบสวนกลางหรือที่เรานั้นเรียกกันว่า FBI นั้นเก่งในส่วนของเรื่องสืบสวนสืบสวนดังไปทั่วโลกและยังได้ไขคดีต่างๆมามากมายและในยุคสมัยก่อนนั้น FBI จะต้องเข้าทำคดีที่หลากหลายมากๆเช่นสมัยสงครามโลกเน้นคดีโจรกรรมยุคถัดมาได้เน้นคดีอันตพาร ยุคสงครามโลกครั้งที่สองเน้นคดีเกี่ยวกับรทิคอมมิวนิสต์

ต่อมาได้เน้นคดีอาชญากรรในการการเงินและในปัจจุบันเน้นอาชญากรรมระหว่างประเทศการก่อการร้ายรวมไปถึง FBI ยังจะต้องเจอกับอาชญากรตัวใหญ่ๆอีกด้วยและในวันนี้เราจะมาพูดถึงคดีที่ทำให้ FBI สะเทือนในประวิติศาสตร์

อัล คาโปน เจ้าพ่อเหนือเจ้าพ่อ

ในช่วงต้นยุค1920ได้เป็นยุคที่ธุรกิจผิดกฏหมายเฟื่องฟูถึงขีดสุดในประเทศอเมริกาได้มีมาเฟียเกิดขึ้นมาทุกคนเพื่อที่จะมาท้าทายอำนาจรัฐแต่มีอยู่คนหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตำนานของวงการมาเฟียเขานั้นได้ทำธุรกิจที่ผิดกฏหมายหลายต่อหลายอย่างรวมถึงได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีฆ่่าตกรรมอยู่หลายสิบคดีและยังได้เล่ากันว่าFBIได้มีแฟ้มเอกสารรายละเอียดของคดีที่ได้มีเขานั้นเกี่ยวข้องอยู่เป็นเล่มๆ

แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถที่จะเอาผิดตัวเขาได้จากนั้นยังได้กล่าวกันอีกว่าเขานั้นยังได้ซื้อองค์กรตำรวจได้ทั้งองค์กรอีกทั้งงไม่ว่าจะแก๊งค์น้อยใหญ่ที่ไหนก็ไม่กล้าที่จะสามารถไปต่อกอนกับเขาได้อีกทั้งยอดทั้งให้เป็นเบอร์หนึ่งแห่งยุคและคนที่เรานั้นจะพูดถึงคือ อัล คาโปน เจ้าพ่อแห่งมาเฟียในอเมริกานั้นเอง แต่ในปี1931 ชีวิตของเจ้าพ่อมาเฟียในแห่งยยุคก็ต้องจบลงโดยน้ำมือของทนายส่วนตัวของเขาเองEasy Eddie ได้เป็นทนายความที่ได้มีชื่อเสียงมากที่ที่สุดในยุคนั้น

เขาจะต้องการที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของเขาจึงทำให้เขานั้นได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปติดต่อกับองค์กรตำรวจและให้การปรัก ปรำ อัล คาโปน และพรรคพวกในข้อหาเลี่ยงภาษีจนในท้ายที่สุดองค์กรด้านตำรวจนั้นสามารถที่จะเข้าผิด  อัล คาโปน ได้ถึงแม้ว่า Easy Eddie จะต้องถูกคนของ อัล คาโปน รอบยิงจนทำให้เขานั้น

ได้เสียชีววิตลงและส่วน อัล คาโปน  ก็ได้ส่งตัวไปคุมขังอยู่ในคุกซึ่งได้เป็นคุกที่แน่นหนามากที่สุดในยุคนั้นของในประเทศอเมริกาจากนั้นก็ได้เปิดฉากของชีวิตเจ้าพ่อมาเฟียเจ้าพ่อผู้เป็นตำนานมาเนินนานถึงหลายทศวรรษในที่สุดและจากนั้นทางด้านขององค์กรตำรวจนั้นก็จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพ่ออีกต่อไป

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  9luck

ชนเผ่าที่ปฏิเสธจากโลกภายนอก

เมื่อว่าโลกของเราทุกวันนี้จะก้าวหน้าและได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีชนเผ่าที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลและได้ดำเนิดชีวิตอยู่อย่างลำพังตัดขาดจากความเจริญภายนอกอยู่อีกเป็นจำนวนไม่น้อยหลายครั้งที่นักสำรวจได้พบเจอก็จะมีการต้อนรับและเปลี่ยนสิ่งของเครื่องใช้บ้าง

แต่ก็จะไม่ใช่ในทุกเผ่าที่จะต้อนรับการมาเยือนจากบุคคลภายนอกทุกคนและยังคงจะมีบางเผ่าที่จะต้องการอยู่อาศัยโดยที่ไม่ต้องการการรบกวนจากคนภายนอกอยู่มีการขับไล่พเอให้ออกจากพื้นที่ของตนเองและได้รุนแรงถึงขั้นที่เสียชีวิตก็มีเรามาดูกันว่าจะมีชนเผ่าอะไรกันบ้าง

ชนเผ่าMentawai Tribe 

เป็นชนเผ่าโบราณผู้ที่อาศัยอยู่ในที่พื้นป่าฝนที่ตั้งอยู่ในประเทศอินเดียมาหลายพันปีโดยที่ไม่ถูกการรบกวนจากเวลาไม่มีไฟฟ้าชีวิตล่วนอยู่กับธรรมชาติและได้มีการดำรงด์ชีวิตในความเป็นอยู่กันอย่างเรียบง่ายสร้างบ้านและทำของใช้จากไม้ไผ่และใบหญ้าส่วนผู้ชายนั้นก็จะมีหน้าที่ที่ต้องไปล่าสัตว์นอกจากนั้นภายในหมู่บ้านเองนั้นก็ยังมีหมอผีประจำเผ่าคอยเป็นคนทำหน้าที่รักษาคนภายในหมู่บ้านและเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ 

ชนเผ่าเมนตาไว คือการเหลาฟันให้แหลมคมเหมือนกับฟันจระเข้และสักตามลำตัวด้วยยางไม้ในการที่จะได้มาซึ่งรอยสักนั้นในสมัยเมื่อ30ถึง40ปีก่อนก็จะต้องสังหารศัตรูในการรบระหว่างเผ่าหากยิ่งฆ่าได้มากในจำนวนแทบของต้นแขนนั้นก็จะยิ่งเพิ่มได้มากขึ้นอีกทั้งยังได้รับความนับถือจากคนในเผ่ามากขึ้นอีกด้วยและสำหรับอาวุธที่เป็นชั้นยออดของชาวชนเผ่ามนุษย์เมนตาไวนี้คือหอกและธนูที่อาบไปด้วยยาพิษ

ซึ่งมันจะสามารถที่จะล้มหมู่ป่าตัวขนาดใหญ่ได้แค่เพียงในไม่กี่อึดใจแต่สำหรับในปัจจุบันนั้นในความที่มีความเจริญของโลกภายนอกก็ได้แผ่เข้าไปและก็ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตแบบดั่งเดิมและจำนวนของชาวเมนตาไวที่ยังคงได้อาศัยกันอยู่ในป่าจึงได้มีการที่ลดจำนวนลงกันอย่างต่อเนื่องและสำหรับลูกหลานรุ่นใหม่หันหน้าเข้าสู่เมือง

และมีน้อยคนที่จะรับในช่วงต่อจากบรรพบุรุษและโชคยังดีที่ได้มีคนรุ่นใหม่ต่างก็ได้ตั้งปณิธานสือทอดในความหวังและในความเป็นประเพณีของชนเผ่าในคำของบอกเล่าและในพิธีกรรมของผู้เฒ่ามันจึงได้ถ่ายทอดไปยังเมนตาไวเลือดใหม่เหล่านี้เพื่อให้ได้เติบโตและเดินตามรอยเท้าของบรรพบุรุษในพื้นที่ป่าแห่งนี้ต่อไป

ตำนานผีญี่ปุ่น

ขึ้นชื่อว่าผีหลายคนคงจะกลัวและไม่อยากที่จะเข้าไกล้หรืออยากที่จะพบเจออย่างแน่นอนแต่ในโลกวิญาณก็คงจะเหมือนกับมนุษย์คือจะมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีวันนี้เราจะมาเสนอเรื่องราวของผีหรือวิญญาณหรือปีศาจของความเชื่อในตำนานจากประเทศญี่ปุ่นที่มันอาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คิดบางเรื่องมันอาจจะทำให้คุณอยากจะพบเจอในขณะที่บางเรื่องอาจจะทำให้คุณนั้นรู้สึกแปลกๆเรามาดูกันเลยว่าจะมีเรื่องในตำนานที่สุดแปลกจากประเทศญี่ปุ่นกันเลย

เคระเคระอนนะ 

เคระเคระอนนะ หรือผีสาวหัวเราะเธอมักจะปรากฏตัวในรูปแบบของผู้หญิงในวัยกลางคนสวมชุดกิมโนแต่งหน้าหนาทาลิปสติกสีแดงและมักจะหลบซ้อนอยู่ในสอกซอกในย่านคมแดงซึ่งได้เป็นแหล่งที่ค้าประเวณีเธอมักจะปรากฏตัวด้วยเสียงหัวเราะและมีความสามารถที่จะขยายตัวให้ใหญ่เหมือนกับยักษ์ได้ใครได้ฟังดูมันอาจจะเป็นเรื่องหน้าตลก

แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่น่าตลกอย่างที่คิดเพราะในตามตำนานในตอนที่เธอนั้นยังมีชีวิตอยู่เธอได้ประกอบอาชีพเป็นโสเภณีซึ่งจะโดยกดขี่สารพัดความสุขทนในยามที่เธอนั้นยังคงมีชีวิตอยู่จึงทำให้เธอนั้นไม่สามารถที่จะผ่านชีวิตหลังความตายนี้ไปได้เธอจึงได้กลายมาเป็นเคระเคระอนนะคอยหัวเราะประชดประชันกับสิ่งที่ผ่านมาด้วยความทุกข์ระทมนั่นเอง

เทนางะบะบา

เทนางะบะบาได้เป็นปีศาจที่โด่งดังในภาคเหนือของจังหวัดชิบะได้เชื่อกันว่าได้เป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ในน้ำและจะคอยดูแลเด็กๆที่จะมาเล่นน้ำโดยเฉพาะจากแหล่งน้ำที่อันตรายจุๆก็จะมีแขนที่ยาวยื่นออกมาแล้วก็ขู่ว่าเดี๋ยวจะดึงลงไปในน้ำเพื่อจะระวังจะไม่ให้เด็กมาเล่นน้ำโดยบริเวณที่อันตรายบางตำนานก็ว่าอยู่เมืองทาคาโอกะเมืองทาคาโอกะได้เล่ากันมาว่าได้มียายแก่คนหนึ่งได้อาศัยอยู่บนยอดเขาหรือภูเขาเปลือกหอยและจะชมนั่งมองทะเลทั้งวันและเมื่อเธอหิวก็จะยื่นแขนนั้นออกไปจับหอยมากินในปัจจุบันนั้นก็ยังได้มีเปลือกหอยให้หลงเหลือเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานอยู่บนภูเขาเป็นจำนวนมาก

ซาชิกิวาราชิ

ซาชิกิวาราชิเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ7ถึง14ปีไว้ผมหน้าม้าและชอบอาศัยอยู่ในบ้านเก่าๆหรือคฤหาสน์ที่ได้มีประวัติมากยาวนานแต่ในสภาพบ้านนั้นจะต้องไม่ทรุดโทรมยังมีคนดูแลและจะต้องไม่สกปรกด้วยและถ้าเป็นบ้านสมัยใหม่ซาชิกิวาราชิก็จะเลือกบ้านที่ไม่มีสำนักงานที่อยู่ในตัวบ้านเพราะไม่ชอบเสียงสียงอึกทึกและมีผู้คนเดินไปมาตอนกลางวันก็จะอาศัยอยู่ในห้องที่อยู่ใต้หลังคาหรือในห้องเก็บของพอตกกลางคืนก็จะออกมาวิ่งเล่นภายในบ้าน

หรือมาทำความสะอาดซาชิกิวาราชิยังจะช่วยปกป้องเจ้าของบ้านจากภัยอันตรายต่างๆรวมไปถึงไม่ให้สิ่งอัปมงคลเข้ามาในบ้านด้วยคนชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าหากซาชิกิวาราชิได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของใครก็จะนำเอาความโชรลาภมาให้สู่บ้านหลังนั้นแต่ถ้าเมื่อใดที่ซาชิกิวาราชิได้ออกจากบ้านหลังนั้นไปทรัพย์สินสมบัติความเจริญรุ่งเรืองที่ซาชิกิวาราชินำเอามาให้ก็จะหายไปด้วย

การเดินทางพิชิตภูเขาไฟไปได้ยากลำบาก

สำหรับสถานที่นี่ที่เป็นการเดินทางได้ยากมากที่สุดในโลกและเราทุกคนก็คงจะรู้ดีแล้วว่าในการเดินทางในสมัยนี้มันสะดวกรวดเร็วเราสามารถเดินทางไปได่ในทุกที่ที่เรานั้นอยากไปแต่ก็ยังมีบางจุดที่มนุษย์นั้นไม่สามารถนั้นเลยแล้วพวกคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าจุดที่มันเดินทางไปได้ยากมากที่สุดนั้นมันจะอยู่ที่ไหนกันแน่และถ้าเราจะเป็นคนที่เดินทางไปเปิดโลกใหม่นั้นพวกเราจะสามารถไปที่นั่นได้อย่างไรและวันนี้เรามาดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง

หากใครที่ได้มาถึงยังที่เกาะแห่งนี้สิ่งที่น่าท่าท้ายให้เหล่านั้นผจญภัยจะต้องเดินทางไปที่นั่นนั้นก็คือที่บนเกาะแห่งนี้จะมีภูเขาไปที่สูงที่สุดที่ได้ตั้งอยู่บนเกาะ ซึ่งมันมีความสูงมากถึง1850เมตรการที่จะขึ้นไปยังจุดสูงสุดของภูเขาลูกนี้นั้นมันทำได้ยากมากและก็แทบจะขึ้นไปไม่ได้เลยโดยในปี1960ชายคนแรกที่ขึ้นไปเหยียบจุดสูงสุดของภูเขาลูกนี้นั้น

เขาจะต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปเพื่อให้ขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของภูเขาลูกนี้ถึงจะสามารถไปถึงภูเขาที่นั่นได้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยอดเขาที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดในโลกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสถานที่ที่ไปได้ยากมาที่สุดในโลกซึ่งยังมีสถานที่ที่ไปได้ถึงยากกว่านี้อีกอย่างเช่นภูเขาไฟซิดนีย์มันเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในทวีปแอนตาร์กติกาแน่นอนแล้วว่าทวีปแอนตาร์กติกามันเป็นสถานที่ที่ไปได้ยากมากและในปัจจุบันยังไม่มีเที่ยวบินใดจากที่ไหนบนโลกเปิดเส้นทางการเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ภูเขาไฟซิดนีย์ซึ่งได้ตั้งอยู่บนดินแดนที่ห่างไกลในทวีปแอนตาร์กติกานั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเรียกว่าMarie Byrd Land มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของในปัจจุบันที่นี่มีลักษณะค้างๆกับดวงจันทร์

ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้มีความสูงมากถึง4,285เมตรภูเขาไฟลูกนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี1934 ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครสามารถที่จะปีนไปถึงจุดสูงสุดได้จนกระทั่งในปี1990ได้มีนักเดินทางเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปจุดสูงสุดของยอดเขาดูตั้งแต่ในปี2010มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปยังยอดเขาตรงนี้ได้แล้วถ้าหากพูดถึงภูเขาที่สูงที่สุดในโลกแล้วเราคงจะต้องนึกถึงยอดเขายอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งมันตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนประเทศเนปาลและจีน และงจึงเป็นที่ทราบกันดีว่าการเดินทางไปถึงจุดสูงสุดของยอดเขานี้มันทำได้ยากมากๆมันมีความสูงถึง8,878เมตรและมีผู้ที่สามารถพิชิตเขาลูกนี้ได้เพียง4,000คนเท่านั้น