ละคร ความบันเทิง และอิงประวัติศาสตร์

ละคร ความบันเทิง และอิงประวัติศาสตร์

ละครหลังข่าวสารภาคเย็น “บุพเพสันนิวาส” ทางช่อง 3 HD ที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่ในช่วงเวลานี้ ได้ปลุกกระแสฟีเวอร์ประวัติศาสตร์ยุคกรุงศรีอยุธยาให้ฟื้นขึ้นมาอย่างน่าทึ่งเป็นอย่างมาก

“บุพเพสันนิวาส” เป็นละครที่สร้างขึ้นจากนิยายของนักประพันธ์รุ่นใหม่ “รอมแพง” เรื่องราวโดยสรุป เกี่ยวกับนางเอกที่เป็นคนช่วงปัจจุบันจะต้องย้อนกลับไปอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยุคทองของกรุงศรีอยุธยา ไปพบรักกับผู้แสดงนำชายที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหนุ่มยุคกรุงศรีฯ แล้วก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะการณ์ประวัติศาสตร์ในอดีตกาลเป็นระยะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรถพล อนันตวรสกุล จากสาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งผู้อำนวยการหน่วยงานวิจัยและก็วิวัฒนาการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนชี้ว่า กระแสบูมแบบที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังประสบเคยเกิดขึ้นมาก่อนกับภาพยนตร์หรือผลงานแนววัฒนธรรมนิยมบางความหลัง

“ข้อความสำคัญหนึ่งเป็นละครมันมาถูกเวลา สังคมที่ไม่น่าอยู่ ทำให้คนอยากหนี ใช้ละครพีเรียดแฟนตาซีเข้ามาตอบปัญหาชาวไทย ยิ่งสังคมมีความเครียดทางด้านการเมืองเศรษฐกิจ เรื่องรักโรแมนติก สมัยก่อนที่สงบงดงามมันเป็นอะไรที่ Nostalgic เป็น โหยหาความใหญ่โตแล้วก็สุขสมในสมัยก่อน ตอนวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 พวกเราก็มีนางนาค มีสุริโยทัยที่ดังมากมายเช่นเดียวกัน”

อาจารย์อรรถพลบอกว่า ผู้เขียนหนังสือ และก็ผู้เขียนบทภาพยนตร์บุพเพสันนิวาสมีความรู้และมีความเข้าใจ และก็ทำการบ้านอย่างตั้งใจเพื่อให้ นักแสดงมีความน่านับถือ แต่ว่าผู้ชมก็ควรจะรับรู้ด้วยด้วยเหมือนกันว่าในอีกมุมหนึ่ง บุพเพสันนิวาส ก็ยังนับได้ว่าเป็น “ละคร” ที่เอาประวัติศาสตร์ มาเป็นเบื้องหลังมาดำเนินเรื่อง แม้ว่าจะมีแนวเรื่องแบบแฟนตาซีและไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นละครประวัติศาสตร์ กระนั้น ผู้ชมก็ควรจะแบ่งแล้วก็มีความเท่าทัน

“ผลงานเรื่องอื่นหลายเรื่องใช้ประวัติศาสตร์มา สร้างความเป็นชาตินิยม ตัวอย่างเช่นเรื่องที่ว่าด้วยสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านในสมัยโบราณ พวกเราจำเป็นต้องมองอย่างทัน เนื่องจากบางเรื่องก็สามารถสร้างความชิงชัง สร้างวาทกรรมบางประการที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเข้าใจผิด”

ยกตัวอย่างเช่น ละครบางเรื่องที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างไทยกับประเทศพม่า สร้างภาพให้ประเทศพม่าเป็นตัวร้าย ปลุกกระแสชาตินิยมให้ชาวไทยชิงชังประเทศเพื่อนบ้าน ฯลฯ

“ผมเคยพบแม่คนหนึ่ง แกเป็นผู้ที่มีความชำนาญเรื่องประเทศพม่า มาเล่าให้ฟังว่าลูกชายอยู่ชั้นประถม วันหนึ่งมาบอกแม่ว่าโตขึ้นจะไปรบกับประเทศพม่า แม่ตกใจมากมาย สืบไปสืบมารู้ดีว่าอาจารย์เปิดให้ดูหนังพระกษัตริย์ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ยินยอมเชื้อเชิญเด็กคุยว่าหนังหัวข้อนี้มีที่มาเช่นไร ไม่ได้ให้ข้อมูลพื้นฐานเพื่อช่วยในความรู้ความเข้าใจ”

อาจารย์อรรถพลเสริมอีกว่า เมื่อกล่าวถึงละครประวัติศาสตร์สำหรับในประเทศไทย ชอบอิงอยู่แต่ว่าประวัติศาสตร์กระแสหลัก หรือประวัติศาสตร์ที่เมืองเลือกจะให้เรียน สำหรับประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์ของคนตัวเล็กตัวน้อยจะมีการเอ่ยถึงน้อยมาก

“ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น ช่อง NHK นี่ชอบสร้าง ผู้แสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาชีวิตคนตัวเล็กตัวน้อยมาก เขาไม่อิงสถาบัน แต่ว่าอิงคุณประโยชน์ของคน โดยเหตุนี้พวกเราจะมองเห็นนักแสดงมากมาย เป็นต้นว่า ละครที่เกี่ยวกับช่างเสื้อ หรือละครโอเคยชินที่ดังในไทยก็เกี่ยวกับชีวิตของคน หรือละครที่เกี่ยวกับความเหนื่อยยากของผู้พิการทางหู ผู้เจ็บป่วยเป็นโรคกล้ามอ่อนกำลัง เขาใช้อุปกรณ์ที่ตรงนี้มา educate คน ทำให้คนเห็นค่าคนอื่น เคยมีละครเรื่องหนึ่งจุดโฟกัสรายละเอียดไปที่อาชีพคนขุดถนนหนทาง มันมองเห็นประวัติศาสตร์ของคนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ราวกับบ้านพวกเรา”

คุณครูอรรถพลกล่าวว่าละครถือได้ว่าสื่อให้ความบันเทิงแบบหนึ่ง จะอ้างถึงว่าตนมีบทบาทให้แต่ว่าความเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียวก็ได้ แม้กระนั้นทางที่ดีควรจะไปๆมาๆกกว่านั้น ควรจะไปๆมาๆกกว่าการให้ความบันเทิง แปลว่า จำเป็นต้องปรับปรุงงานให้มีความลุ่มลึกและก็มีมุมมองสอนผู้ชมในบางประการ